วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

นัมสการหลวงพระบาง ที่เขาคิชกูฏ จันทบุรี

  อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือที่ใคร ๆ เรียกกันจนติดปากว่า "เขาคิชฌกูฏมีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรีและยังเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรีสภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบมีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายาก คือ ไม้กฤษณา

          สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏได้แก่ น้ำตกกระทิง, น้ำตกคลองช้างเซ, ยอดเขาพระบาท และที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษนั้น เห็นจะเป็นการนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ หรือ พระบาทพลวง นั่นเอง 

          ทั้งนี้ ประชาชนจะนิยมไปนมัสการพระบาทหลวงเป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงช่วงวันมาฆบูชาของทุกปีจะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและกลางคืนขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของเขาคิชฌกูฏ ก็ได้จัดงานนมัสการพระบาทพลวงเป็นประจำทุกปีในช่วง ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 อีกด้วย



ตำนานรอยพระพุทบาท

         ตำนานรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏมีอยู่ว่า นายติ่งและคณะได้ขึ้นบนเขาเพื่อไปหาไม้กฤษณามาขาย และได้ไปพักเหนื่อยบนลานหินกว้าง ระหว่างนั้นเพื่อนของนายติ่งคนหนึ่ง ได้ถอนหญ้าเพื่อนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่เท้าได้ เเละเมื่อช่วยกันตรวจดูก็พบหินแผ่นหนึ่ง มีพื้นที่เป็นรอยรูปก้นหอย ต่อมานายติ่งและเพื่อนได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ รุ่งขึ้นก็มีงานปิดรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งซื้อทองไปปิดแล้วจึงพูดว่าแถวบ้านตนก็มีรอยแบบนี้เช่นเดียวกัน พอดีมีพระได้ยินเข้าจึงไปเรียนให้เจ้าอาวาสวัดรับทราบ เจ้าอาวาสจึงเรียกนายติ่งเข้าไปสอบถาม พร้อมกับส่งคณะขึ้นไปพิสูจน์ดู ก็พบว่าเป็นความจริง และเมื่อตรวจดูบริเวณรอบ ๆ ก็พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์อีกหลายอย่าง รอยพระพุทธบาทนั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้ร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร 

          ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก เรียกว่า หินลูกพระบาท ตั้งขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ มองดูคล้ายลอยอยู่เฉย ๆ มีคนกล่าวว่าเขาเคยเอาด้ายสายสิญจน์คล้องแล้วหลุดออกมาได้ และยังมีหินอีกลูกอยู่ตรงข้ามกับหินลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์ไปรับหินก้อนนี้ จากรอยพระพุทธบาทกับรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้น ในก้อนหินตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่ารอยเท้าพญามาร เพียงแหงนหน้าขึ้นไปจะมองเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร 


          ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 15 วา มีหินลูกข้างบนเป็นลานและมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน เมื่อยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็นถ้ำเต่า หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาทจะเห็นถ้ำช้าง และถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทขึ้นไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง เลยจากช้างไปสูงสุดนั้นเรียกกันว่าห้างฝรั่ง เพราะฝรั่งได้ขึ้นไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกว่าถ้ำสำเภา เพราะมีหินก้อนหนึ่งข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา และยังมีอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี




           พระบาทพลวง หรือ พระพุทธบาทพลวง ประดิษฐานอยู่บนเขาคิชฌกูฎ โดยพระบาทพลวงนี้เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 1เมตร ยาว 2 เมตร อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรที่จังหวัดจันทบุรี และถือว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดของประเทศไทยและอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร 

          โดยการจัดเดินป่าขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ เป็นงานประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานาน โดยมีความเชื่อว่าจะได้บุญสูง และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก...ในอดีตจะเป็นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา แต่ในปัจจุบันมีรถบริการให้ประชาชน ได้เดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น

          ส่วนกิจกรรมในงานกราบสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฎ การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวงไปตามถนนระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทิวทัศน์บนยอด เขาคิชฌกูฏ หรือ เขาพระบาท นี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา ที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาท หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ บนยอดเขาพระบาทซึ่งมีอากาศเย็นสบายนั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน 




ดอยอ่างขา ชมดอกไม้เมืองหนาว


สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะ 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง" เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาว ที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน


 ประวัติ...ดอยอ่างขาง

          โดยเรื่องกำเนิดของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง แห่งนี้ เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้ และทอดพระเนตรลงมาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอ ซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้ พระองค์มีพระราชดำรัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร

          จึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลย และสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่า ชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่ในบริเวณ ดอยอ่างขาง ส่วนหนึ่ง 


          จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ. ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขา ในการนำพืช เหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"

          "อ่างขางในอดีตวันนั้นสวยมากด้วยดอกฝิ่นและภูมิประเทศ เราได้เห็นต้นท้อ แอ๊ปเปิ้ลป่า และทราบว่าอากาศหนาวเราได้คุยกับผู้ที่ไปตั้งร้านขายของ ซื้อฝิ่นเขาขึ้นมาอีกทางหนึ่ง ห่างจากค่ายทหารจีนโดยที่ชาวเขาส่วนมากอพยพไปที่อื่น อ่างขางจึงมีที่เหลือให้หญ้าคาขึ้นอยู่มาก ด้วยเหตุนี้จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขางขึ้นเมื่อ 30 ปี มานี้ สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ทำวิจัยได้" ม.จ. ภีศเดช รัชนี กล่าว

          โดยคำว่า "อ่างขาง" ภาษาเหนือหมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยมตามลักษณะของดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นดอยที่มีรูปร่างของหุบเขา ยาวล้อม รอบประมาณ 5 กิโลเมตร กว้าง 3 กิโลเมตร ตรงกลางของอ่างขางเดิมเป็นภูเขาสูง เช่นเดียวกับบริเวณโดยรอบ แต่เนื่องจากเป็นภูเขาหินปูน เมื่อถูกน้ำฝนชะก็จะค่อย ๆ ละลายเป็นโพรงแล้วยุบตัวลงกลายเป็นแอ่ง มีพื้นที่ราบ ความกว้างไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง


          สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบัน ดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขา ซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ผลเมืองหนาวกว่า 12 ชนิด ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอร์รี่ สาลี่ ราสเบอรี่ พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด เช่น แครอท ผักสลัดต่างๆ ฯลฯ และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ จำหน่ายผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูก ในโครงการให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล

          สำหรับบน ดอยอ่างขาง มีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน 6 หมู่บ้าน ส่วนสภาพอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16.9 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว 
 

 

กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง ได้แก่…

          • ชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวภายในศูนย์ฯ สามารถขับรถวนเป็นวงกลม ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ยานพาหนะคันละ 50 บาท

          • ชมสวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันก็มีสวนสมุนไพรด้วยฤดูท่องเที่ยวอยู่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม

          • เยี่ยมหมู่บ้านหลวง สัมผัสชีวิตชาวจีนฮ่อ ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีน ยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่

          • เยี่ยมหมู่บ้านนอแล สัมผัสวิถีชีวิตชาวปะหล่อง อดีตชนเผ่าดั้งเดิมของพม่า มีผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้าน จำหน่ายและเยี่ยมฐานปฏิบัติการนอแล ชมชายแดนไทย-พม่า ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมาที่นี่ได้ประมาณ 15 ปี คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า ซึ่งมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติ บริเวณพรมแดนไทย-พม่า

          • เที่ยวบ้านขอบด้ง สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาเผ่ามูเซอ มีมัคคุเทศก์น้อยพาเยี่ยมชมภายในหมู่บ้าน เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่า มูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตร และด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค เป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายในแบบของมูเซอ) บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของ ชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง ช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้าน โดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อย ที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง เพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขาให้ผู้มาเยือน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักท้องถิ่นให้เด็ก ๆ ด้วย


          • เที่ยวหมู่บ้านคุ้ม ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้ และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว

          • เดินปาศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้ชมความงามธรรมชาติของผืนป่าปลูกทดแทน น้ำตกเล็กๆ และกุหลาบพันปี

          • ขี่จักรยานเสือภูเขาชมธรรมชาติ จากบ้านคุ้มไปยังบ้านนอแล และจากบ้านหลวงไปยังบ้านผาแดง







          • กิจกรรมดูนก ที่มีทั้งนกประจำถิ่นและนกหายากต่างถิ่นให้ศึกษาหลากสายพันธุ์ มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จุดที่เหมาะคือสถานีป่าแม่เผอะและบริเวณรอบๆ รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง

          • ขี่ฬ่อล่องไพร ชมความงดงามของธรรมชาติ ในบรรยากาศเย็นสบายรอบ ๆ ดอยอ่างขาง ด้วยการนั่งบนหลังฬ่อ (การนั่งบนหลังฬ่อต้องนั่งหันข้าง เนื่องจากอานกว้างไม่สามารถนั่งคร่อมอย่างการขี่ม้าได้) หากสนใจกิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับรีสอร์ทล่วงหน้าอย่าน้อย 1 วัน เพราะปกติชาวบ้านจะนำฬ่อไปเป็นพาหนะขนผลิตผลทางการเกษตรด้วย

          • จุดชมวิว-จุดกิ่วลมชนิด เป็นลานชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดิน และสัมผัสทัศนียภาพของถนนทางขึ้น ดอยอ่างขาง อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยก ซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก หรือทะเลหมอก มองเห็นทิวเขารอบด้าน และหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย

















วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เกาะกระดาน ความงามในท้องทะเลตรัง

    เกาะกระดาน เป็นเกาะที่สวยที่สุดของทะเลตรัง อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกและเกาะลิบง มีเนื้อที่ 600 ไร่ ซึ่ง 5 ใน 6 ส่วนของเกาะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ที่เหลือเป็นของเอกชน เกาะกระดาน มีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสจนมองเห็นแนวปะการัง ซึ่งเป็นปะการังน้ำตื้น ตลอดจนฝูงปลาหลากสีหลายพันธุ์  

เกาะกระดาน จ.ตรัง

เกาะกระดาน จ.ตรัง
           อีกทั้งรอบเกาะกระดานมีชายหาดอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ ชายหาดเกาะกระดาน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ มีชายหาดขาวยาวประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณด้านหน้าของชายหาด นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำดูปะการัง ซึ่งยาวตลอดแนวชายหาด จากชายหาดสามารถมองเห็นเกาะลิบง เกาะแหวน เกาะมุก และเกาะเชือก และยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกด้วย, ชายหาดอ่าวช่องลม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ อยู่เหนือที่ทำการพิทักษ์อุทยานฯ ห่างไปประมาณ 800 เมตร สามารถเดินเท้าขึ้นเนินไปชมดวงอาทิตย์ตก มองเห็นเกาะรอกได้อย่างชัดเจน

           ชายหาดอ่าวเนียง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นหาดทรายขาวยาวประมาณ 800 เมตร ด้านหน้าชายหาดนักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งมีตลอดแนวชายหาด จากชายหาดนี้สามารถมองเห็นเกาะลิบงได้ และชายหาดสุดท้าย อ่าวไผ่ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นหาดทรายขาวยาวประมาณ 200 เมตร ด้านหน้าของชายหาดไม่มีแนวปะการัง สามารถมองเห็นเกาะเชือก เกาะแหวน เกาะมุก สามารถชื่นชมกับดวงอาทิตย์ตกได้สวยงาม
เกาะกระดาน จ.ตรัง

           จุดเด่นของเกาะกระดาน คือ ชายหาดที่มีทรายขาว ละเอียดเหมือนแป้งและน้ำใสจนเห็นแนว ปะการังซึ่งทอดยาวจากชายหาดด้านเหนือถึงชายฝั่งด้านหลัง เกาะมีอ่าวเล็ก ๆ มีคลื่นลูกโต ๆ เป็นระลอกๆ  เหมาะสำหรับการเล่นกระดานโต้คลื่น 

เกาะกระดาน จ.ตรัง

           สำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะกระดาน สามารถทำได้ทั้งเหมาเรือไปเอง หรือไปกับทัวร์แบบ One Day Trip (4 เกาะ ได้แก่ เกาะเชือก เกาะม้า ถ้ำมรกต (เกาะมุก) และเกาะกระดาน) ราคาอยู่ที่ประมาณ 750-900 บาท สามารถติดต่อสอยถามได้ที่บริเวณท่าเรือควนตุงกู ท่าเรือปากเมง หรือท่าเรือเจ้าไหม

เกาะกระดาน จ.ตรัง

เกาะกระดาน จ.ตรัง
           บนเกาะมีที่พักบริการนักท่องเที่ยว ทั้งของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และของเอกชน ได้แก่ เกาะกระดานบีชรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนเกาะกระดาน มีบริการที่พักและร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงบริการท่องเที่ยวทะเลตรังและแพ็กเกจทัวร์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่kradanbeachresort.com, The Sevenseas Resort ที่พักตากอากาศริมทะเลสุดหรู แวดล้อมด้วยธรรมชาติทั้งจากท้องทะเลและป่าไม้นานาชนิด ซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสบายครบครัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ sevenseasresorts.com และ เฟซบุ๊ก THE SEVENSEAS RESORT และ กระดานไอร์แลนด์รีสอร์ท ตั้งอยู่ริมชายหาดอ่าวไผ่ ทางทิศเหนือของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ บริการบ้านพักสไตล์กระต๊อบเรียบง่าย อิงแอบกับธรรมชาติ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่kradanisland.com

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ปี 2556

  ปี 2556 กำลังจะผ่านพ้นไป และปี 2557 กำลังจะก้าวเข้ามา เราเชื่อว่าปีที่ผ่านมาหลาย ๆ คนคงได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย ก็แหม...พอถึงเทศกาลหยุดยาวทีไร สถานที่ท่องเที่ยวฮอต ๆ ทั่วประเทศจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพวิวสวย ๆ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน หรือชิมอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยมาประมวลผลให้ดูกันว่า สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556 มีที่ไหนกันบ้าง เอ...แล้วเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่เหล่านั้นกันมาบ้างหรือยัง ? โดยเราจะเริ่มกันที่ 
 1. เกาะตาชัย 

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            เริ่มกันที่เกาะสุดฮอตซึ่งเพิ่งเปิดให้ท่องเที่ยวไม่นาน โดยได้รับการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิมิลันในปี พ.ศ. 2541 แต่ความงามของท้องทะเล หาดทราย และบริสุทธิ์ ก็ทำให้ชื่อของ เกาะตาชัย ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตได้ไม่ยากเลย ซึ่งเสน่ห์อันดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกหนึ่ง คือ การเดินป่าเข้าไปดู ปูไก่ ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวมีสีแดงสด ก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน และเวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ จึงเป็นที่มาของชื่อ (ควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำของไกด์) สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเกาะตาชัยนั้น จะเป็นแบบ One Day Trip เพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถพักบนเกาะได้

 2. เกาะล้าน

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            เรียกได้ว่าชื่อของ เกาะล้าน ไม่เคยจางหายไปไหนเมื่อมีการจัดอันดับความนิยม เพราะใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมหาดทรายและน้ำทะเลของเกาะก็สวยน่าเล่นที่สุด แหม...ใครจะคาดคิดว่าห่างจากพัทยามาเพียง 7 กิโลเมตร จะได้สัมผัสกับน้ำทะเลใสในโทนสีออกฟ้าเข้มราวทะเลฝั่งอันดามัน หาดทรายก็ขาวละเอียดนุ่มเท้าล่ะ (จริงไหม) นอกจากนี้ ที่พักเกาะล้าน ยังมีให้เลือกสรรมากมายตามความชอบอีกด้วย

 3. เกาะช้าง

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            หากกล่าวถึงทะเลแถบภาคตะวันออก เกาะช้าง นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางผู้รักทะเล ด้วยเพราะความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทำให้เกาะช้างยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น หาดทรายขาว หาดแห่งนี้เนียนเรียบ เนื้อทรายละเอียดนุ่มเท้า รวมถึงยังเป็นศูนย์รวมของรีสอร์ทเก๋ ๆ ร้านอาหาร ผับฮิป ๆ มากมาย และถัดไปไม่ไปไกลก็เป็นที่ตั้งของหาดคลองพร้าว มีหาดทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และเหมาะอย่างยิ่งที่จะเล่นกิจกรรมทางน้ำ เพราะหาดนี้ไม่ลาดเอียง คลื่นลมสงบ รวมถึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม นอกเหนือจากนี้บริเวณเกาะช้างยังมีอีกหลายอ่าวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน อย่างหาดไก่แบ้ อ่าวคลองสน อ่าวสับปะรด และหาดทรายยาว ฯลฯ

4. เขาใหญ่

เขาใหญ่

            เขาใหญ่ หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะไม่ว่าจะฤดูไหนความงดงามของเขาใหญ่ก็แปรเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ จะร้อน ฝน หรือหนาวก็สวยไปซะหมด ซึ่งสถานที่ที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นธรรมชาติ เช่น น้ำตกเหวสุวัต, น้ำตกเหวนรก, น้ำตกผากล้วยไม้, หอดูสัตว์, จุดชมวิวผาเดียวดาย และอ่างเก็บน้ำสายศร เป็นต้น นอกจากนี้ บริเวณใกล้ ๆ เขาใหญ่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชิค ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้ง Palio, Primo Piazza, Sheep Land, ตลาดน้ำเขาใหญ่, The Bloom by ทีวีพูล, The Pete Maze และเขาใหญ่ พาโนรามา ฟาร์ม ฯลฯ แถมที่นี่ยังมีที่พักเขาใหญ่เก๋ ๆ ให้เลือกสรรเพียบ อีกทั้งเมื่อขับรถเลยจากเขาใหญ่ไปประมาณ 70 กิโลเมตร คุณก็จะได้สูดโอโซนอันแสนบริสุทธิ์ ณ วังน้ำเขียว สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน 

  5. ดอยอ่างขาง

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            เพราะอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี แวดล้อมด้วยพรรณไม้และดอกไม้นานาชนิด ทำให้ ดอยอ่างขาง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตในปี 2556 ได้ไม่ยากเลย อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ไปชื่นชมหลากหลาย เช่น สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง, สวนบอนไซ, จุดชมวิวกิ่วลม, พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง) โดยเฉพาะการไปสัมผัสกับวิถีชีวิชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ณ หมู่บ้านขอบด้ง, หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านหลวง แต่ดูเหมือนว่าไฮไลท์ที่หลาย ๆ คนรอคอย คือ การไปเก็บสตรอว์เบอร์รีตามสวนต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย 

  6. ดอยอินทนนท์


สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            ได้ชื่อว่าเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ ดอยอินทนนท์ กลับเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสุด ๆ เพราะทุกที่สถานที่เที่ยวเด่นถูกเชื่อมต่อด้วยถนนลาดยางอย่างดี ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากเดินทางไปพักผ่อนเสมอเมื่อมีโอกาส แต่สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความสูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางเท่านั้น ด้วยสภาพภูมิประเทศ สภาพป่าที่หลากหลาย และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวัน บางครั้งน้ำค้างยังกลายเป็นน้ำค้างแข็ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็มีอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์, ตลาดม้ง, กิ่วแม่ปาน, หมู่บ้านม้งขุนกลาง, พระมหาธาตุนภเมทนีดล พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ, น้ำตกวชิรธาร, น้ำตกสิริภูมิ, น้ำตกผาดอกเสี้ยว, บ้านแม่กลางหลวง และจุดสูงสุดบนยอดดอยอินทนนท์ เป็นต้น ใครชอบเที่ยวสไตล์ไหนก็สามารถเลือกได้ตามใจได้เลย

 7. ม่อนแจ่ม

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 แต่ชื่อของ ม่อนแจ่ม (อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่) ก็พุ่งทะยานติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทันที เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทิวภูเขาสลับกันไกลสุดลูกหูลูกตา อีกด้านเป็นแปลงปลูกพืชและไม้เมืองหนาวของโครงการหลวง และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้า ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากไปชื่นชมด้วยตัวเองทั้งนั้น และการได้ไปชิมอาหารปรุงสด ๆ กับผลผลิตท้องถิ่นที่ปลูกเอง เคล้ากับทิวทัศน์กว้างไกลสบายตา ก็เป็นตัวขับเคลื่อนให้ใคร ๆ ก็อยากไปเยือน 

 8. เชียงใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            เชียงใหม่ จะไม่ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556 ได้อย่างไรล่ะ...จริงไหม เพราะที่นี่เป็นเหมือนศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภาคเหนือ เนื่องจากความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางด้านธรรมชาติอันงดงาม ด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของชาวเชียงใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์น่าประทับใจ และความพรั่งพร้อมในเรื่องสถานที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่หลากหลาย เป็นที่ดึงดูดคนมาท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปี โดยมีกิจกรรมท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการผจญภัยท้าทาย ให้เลือกทำมากมาย เช่น สักการะพระบรมธาตุ เยือนวัดเก่าแก่และเมืองโบราณ ขึ้นบอลลูน บินพารามอเตอร์ นั่งช้างชมธรรมชาติ ขับรถ ATV โหนรอกไปตามยอดไม้ ดูนก เที่ยวชุมชนเก่าแก่ ฯลฯ 

  9. เชียงคาน 


สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            เหมือนเวลาจะหมุนช้าลงเมื่อมาเยือน "เชียงคาน" คงไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่ผิดนัก เพราะอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดเลย แห่งนี้ยังคงอารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง ที่ผสมผสานกับความทันสมัยของโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว ความเงียบสงบของเมือง ความน่ารักของผู้คน ที่ยังดำรงวิถีชีวิตแบบราบเรียบ และกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างแนบแน่นดีเยี่ยม รวมไปถึงทัศนียภาพริมฝั่งโขงที่สวยงาม คงเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้นักเดินทางมักแวะเวียนไปต้องมนตร์เสน่ห์สถานที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย

 10. ภูทับเบิก 

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            "นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน" คำกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยสักนิดเมื่อได้มา ณ ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะที่นี่มีความสูงจากระดับทะเลประมาณ 1,768 เมตร มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์และเย็นสบายตลอดปี อีกทั้งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ตอนเช้ามีกลุ่มเมฆและทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์สวยเกินบรรยาย รวมถึงมีหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง และสิ่งหนึ่งที่ใคร ๆ ก็อยากมาพบเห็นเมื่อมาภูทับเบิก คือ ทุ่งกะหล่ำปลีกว้างไกลสุดสายตา 


 11. สามพันโบก

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี ประติมากรรมทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ที่ทางธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาให้เราได้ชมความมหัศจรรย์นี้ ซึ่งเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก เกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3,000 โบก โดยจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอดเท่านั้น ทำให้นักเดินทางต่างรอคอยเวลาที่จะไปพบปะกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา จนชาวบ้านเรียกว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย และนอกจากความงามของแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง วิถีชีวิตริมคลองสองฝั่งโขงก็งดงามไม่แพ้กัน

 12. หัวหิน

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศริมทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ ในการท่องเที่ยวและพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและครบครัน อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมอยู่หลายแห่ง เช่น ชายหาดหัวหิน, สถานีรถไฟหัวหิน, เขาเต่า, เขาตะเกียบ, ฟาร์มแกะดำหัวหิน, ตลาดน้ำหัวหิน, ตลาดโต้รุ่ง, วัดห้วยมงคล, สวนน้ำหัวหิน Black Mountain Water Park, เดอะเวเนเซีย และ Cicada Market เป็นต้น จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวเปี่ยมเสน่ห์ที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

 13. สวนผึ้ง

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            ด้วยอากาศที่เย็นสบาย แวดล้อมไปด้วยขุนเขาเขียวขจี และมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ จึงทำให้ สวนผึ้ง ราชบุรี ยังคงครองใจเหล่าบรรดานักเดินทางเสมอ ๆ เมื่อมีเวลาว่างอยากไปพักผ่อนที่นี่จะอยู่ในลิสต์รายชื่ออันดับต้น ๆ ทั้งคู่แต่งงานที่ไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง คู่รักควงกันไปสวีทหวานเที่ยวชมบ้านหอมเทียน ครอบครัวพาเด็ก ๆ ไปถ่ายรูปกับแกะในฟาร์มหรือไปเที่ยวตลาดน้ำสวนผึ้ง เวเนโต้ หรือแก๊งเพื่อน ๆ นัดกันไปตะลุยยอดเขากระโจม เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ สวนผึ้งยังเป็นแหล่งรวมของบูติกรีสอร์ทหลากรูปแบบ ตกแต่งเก๋ ๆ สามารถเลือกพักตามความชอบได้เลย เอาเป็นว่าใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ เคล้าสายลมเย็น ๆ ไม่ควรพลาดจ้า 

 14. เกาะสมุย

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            ที่เกาะสมุยมันมีอะไร ที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป ที่ทำให้คุณนั้นต้องติดใจมาชวนผม...บทเพลง เกาะสมุย ของ DEEP O SEA คงอยู่ในความคิดของคนที่ร่างกายต้องการทะเล หาดทราย สายลม และแสงแดด ซึ่งทะเลที่อยากไป ก็คือ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพราะเกาะแห่งนี้มีสีสันของความสนุก ความครึกครื้นของเสียงคลื่นและสายลมอยู่ทั่วไป รวมถึงมีหาดทรายสวยทรายขาวหลายแห่ง เช่น หาดเฉวง หาดนาเทียน หาดตลิ่งงาม และหาดละไม อีกทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ความสะดวกสบายของเกาะสมุยยังผสมผสานด้วยศิลปวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่น ที่ยังคงเป็นรากฐานของความเป็นมาของชุมชนอีกหลายแห่งบนเกาะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปสมุยมาแล้วต้องหวนกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อ๊ะ ๆ อาหารทะเลสด ๆ ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ชวนให้นึกถึงเหมือนกัน 

 15. เกาะเสม็ด

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            ในปี 2556 ชื่อของ เกาะเสม็ด คงกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบกลางทะเลรั่วไหล ส่งผลให้น้ำมันดิบจำนวน 50,000 ลิตร ไหลลงสู่ทะเลระยอง จากนั้นกระแสคลื่นลมแรงได้ทำให้คราบน้ำมันทะลักเข้ามายังชายฝั่งอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด แต่ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ชาวบ้าน และอาสาสมัครต่างก็ช่วยกันฟื้นฟูจนทำให้อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด กลับมาน่าเที่ยวเหมือนเมื่อวันวาน น้ำทะเลยังคงใสสะอาดและน่าเล่นเช่นเคย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น คือ ชายหาดต่าง ๆ เช่น หาดทรายแก้ว อ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน อ่าวไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวลุงดำ อ่าวช่อ ฯลฯ นอกจากนี้ เกาะเสม็ดยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีที่พักหลากหลายรูปแบบจำนวนมาก ราคาไม่แพง จึงถือเป็นเกาะเปี่ยมเสน่ห์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

  16. ภูกระดึง

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

            สักครั้งในชีวิตต้องพิชิต ภูกระดึง จังหวัดเลย เราเชื่อว่านี้คือหนึ่งในกิจกรรมเดินเขาประมาณ 5 กิโลเมตร ของใครหลาย ๆ คน เพราะเสมือนการพิสูจน์และท้าทายความสามารถของตัวเอง (เส้นทางขึ้นภูกระดึง ทางขึ้นค่อนข้างชัน แต่จะมีจุดแวะพักที่ "ซำ" หมายถึง บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมา แต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ) สถานที่แห่งนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ แถมเมื่อได้ไปถึงบนยอดภูกระดึงแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับความธรรมชาติ เช่น ผาหล่มสัก ลานหินกว้างและมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด, ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา และชมต้นเมเปิลที่ต่างพากันผลัดใบในป่าปิด เปลี่ยนเฉดสีจากเขียวกลายเป็นสีแดงท่ามกลางลมหนาว สวยงามน่าประทับใจ

 
 17. เชียงราย

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

           เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง...นี่คือคำขวัญของ จังหวัดเชียงราย ดินแดนแห่งขุนเขาและเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จังหวัดนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้บนดอยสูงที่สลับซับซ้อน เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำและน้ำตกอันงดงามหลายแห่ง อีกทั้งเชียงรายยังมีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา และชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายรูปแบบ เช่น วัดพระธาตุดอยจอมทอง, วัดพระสิงห์, วัดพระแก้ว, วัดร่องขุ่น, เมืองโบราณเชียงแสน, ภูชี้ฟ้า, ผาตั้ง ดอยแม่สลอง, ดอยตุง, ไร่บุญรอด และสามเหลี่ยมทองคำ ฯลฯ

 18. น่าน 

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

           เพราะผู้คนอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายไปแสวงหาความเงียบสงบ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่ "น่าน" ดินแดนในอ้อมกอดของขุนเขาด้านตะวันออกของภาคเหนือจะกลายเป็นจังหวัดในใจใครหลาย ๆ คน นอกจากนี้ น่านยังอุดมไปด้วยธรรมชาติผืนป่า สายน้ำ ทะเลหมอก หล่อหลอมรวมกับวิถีวัฒนธรรมของผู้คนชาวไทยลื้อ ทำให้เสน่ห์ของน่านไม่ได้มีเพียงธรรมชาติอันพิสุทธิ์ แต่ยังมีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ที่แฝงด้วยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมชมหลายรูปแบบ ทั้งวัดวาอาราม โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น วัดพระธาตุแช่แห้ง, วัดพระธาตุช้างค้ำ, วัดภูมินทร์, อำเภอบ่อเกลือ, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน, อุทยานแห่งชาติขุนสถาน และอุทยานแห่งชาติภูคา เป็นต้น ใครที่ชอบวิถีเรียบง่ายไม่ควรพลาดเลย 

  19. กาญจนบุรี 

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

           กาญจนบุรี คือ ดินแดนแห่งธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปกากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น กาญจนบุรียังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณ์สถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สุสานทหารสัมพันธมิตร และพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ ด้วยความหลากหลายของพื้นที่และเรื่องราวที่สั่งสมอยู่ในจังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ กาญจนบุรีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ทุกวัย และทุกฤดูกาล

  20. พัทยา

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556

           ปิดท้ายกันที่ พัทยา จังหวัดชลบุรี เมืองที่มีสีสันตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นชายหาดตากอากาศยอดนิยมอันดับหนึ่งของภูมิภาค และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ผู้คนนับล้านจากทั่วทุกทวีปต้องการมาสัมผัส รวมทั้งยังเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลากหลายรูปแบบ มีกิจกรรมท่องเที่ยวนานาชนิดให้เลือกทำ มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย การคมนาคมสะดวกสบาย ทั้งยังสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เช่น หาดพัทยา, หาดนาจอมเทียน, เกาะล้าน, ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา, วัดเขาชีจรรย์, สวนนงนุช, พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี, มิโมซ่า พัทยา และ Art in Paradise พัทยา ฯลฯ

           และนี่คือ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556 ที่เรายกตัวอย่างมาฝากกัน จริง ๆ แล้วประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามอีกหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน สไตล์ใด เอาเป็นว่าลองหาโอกาสออกไปเปิดโลกกว้างเที่ยวเมืองไทยกันดูนะจ๊ะ แล้วเมืองไทยจะทำให้คุณตกหลุมรักได้ทุกวัน อ๊ะ ๆ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะมีสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2556 ในใจกันบ้างหรือเปล่า ???